วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผมมัน...ทำยังไงให้หายมัน

ผมมัน...ทำยังไงให้หายมัน


     สระ ๆ ๆ สระผมทุกวัน ไม่ได้ขยันหรอกแต่มันจำเป็นทำไมน่ะเหรอ?  ก็เพราะว่าผมมัน...หมายถึงว่าเส้นผมน่ะมันเยิ้มทุกวันไม่สระไม่ได้เลยขาดความมั่นใจ ลองแล้วทุกอย่างทุกแชมพู สูตรนั้น สูตรนี้ แพงไม่ว่าขอให้ผมหายมัน แต่ก็ไมเป็นผลแถมผมร่วงตามมาอีกตะหาก คิดแล้วยิ่งเครียดหนัก


     สาเหตุที่ทำให้ผมมันคือการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณที่มากเกินไป อาจเกิดจากหนังศรีษะแห้ง(ไอ้ที่มันแห้งส่วนหนึ่งก็มาจากการสระผมบ่อยเกินไปนะ) หรือแชมพูและครีมนวดที่มีความเข้มข้นสูง บางทีการล้างออกอาจไม่หมดเกลี้ยงโดยเฉพาะคนที่ผมยาวและหนามาก ๆ ก็จะเกิดการสะสมและตกค้างอยู่บนหนังศรีษะความมันก็ย่อมต้องเกิดขึ้น บางรายก็ใส่น้ำมันจัดแต่งทรงผมทุกวันก็ทำให้ผมมันได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีบางคนที่เป็นเพราะมีคนในครอบครัวอย่างพ่อแม่ก็ผมมัน ลูกก็ต้องผมมันตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะสาเหตุอันมาจากกรรมพันธุ์ของตัวเองอันนี้ก็แย่หน่อย


     จากการทดลองด้วยตัวเองบ้าง จากข้อมูลต่าง ๆ ทางอินเตอร์เน็ตบ้าง พอจะหาวิธีช่วยให้คนที่ผมมัน พอจะมีทางเลือกสู่แสงสว่างขึ้นมาบ้าง(แหมดูเว่อร์ ๆ เนอะ) บางท่านแนะนำว่าให้ลองใช้แชมพูเด็กสระผมแล้วไม่ต้องใส่ครีมนวดใด ๆ ทั้งสิ้น ก็ลองแล้วได้ผลในระดับนึงแต่บางคนนอกจากจะผมมันแล้วยังผมเสียอีก ถ้าไม่ใส่ครีมนวด หมักทรีทเม้นต์บำรุงก็ไม่ไหว แชมพูเด็กก็คือแชมพูเด็ก ไม่มีสารบำรุงมากพอต่อการดูแลเส้นผมที่เสียมาก ๆ ก็ต้องหันไปพึ่งแชมพูผู้ใหญ่...หมายถึงแชมพูเฉพาะที่เป็นสูตรสำหรับคนผมมันนั่นเอง แชมพูประเภทนี้จะมีค่า ph ที่ 5.5 - 6.5 ดูเหมาะกับสภาพผมมันที่สุดแล้ว หากต้องการใส่ทรีทเม้นต์ ก็ควรใส่แค่ตรงบริเวณส่วนปลายผม เพื่อลดความมันที่จะสะสมบนหนังศรีษะให้น้อยลง แต่หากยังไม่หาย ก็ขอแนะนำวิธีแบบธรรมชาติ  ๆ ดูบ้าง ลองเดินเข้าไปในครัวมองหามะนาวสัก 1 ลูก กับน้ำส้มสายชูสัก 1 ช้อนโต๊ะ  ผสมกับน้ำในปริมาณพอที่จะล้างผมจากการสระ แล้วก็ทำการสระตามปกติ แล้วนำน้ำที่เราผสมไว้ มาล้างผมในน้ำสุดท้ายของการสระผม ก็จะช่วยลดความมันได้เช่นกัน


     นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมา ก็ยังมีอีกวิธีที่จะช่วยลดความมันบนหนังศรีษะ(วิธีสุดท้ายแล้วนะ) คือการหมักผมด้วยว่านหางจระเข้ผสมมะนาว ด้วยการนำว่านหางจระเข้มาปลอกเอาส่วนที่เป็นวุ้นปริมาณเอาแค่พอที่จะใช้หมักพอนะ ผมสั้นผมยาวก็ประมาณดู นำมาบดให้ละเอียดผสมกับน้ำมะนาว 1 ลูก เสร็จแล้วก็นำมาหมักและนวดบนศรีษะและเส้นผม ทิ้งไว้สัก 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยแชมพูและครีมนวด(ตามปกติ) แล้วจะเห็นว่าความมันจากที่เคยมันเยิ้มจะลดลงได้ แล้วปัญหาผมมันที่เคยกวนใจ ก็จะเบาบางลงไป ส่วนใครจะใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละบุคคล จะได้หมดกังวลเรื่องผมมันกันซะที

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผมเสีย ผมแห้ง ผมแตกปลาย...แก้ไขได้

ผมเสีย ผมแห้ง ผมแตกปลาย...แก้ไขได้



     ผมเสีย ผมแห้ง ผมแตกปลาย ถามกันมานาน สรรหามาก็หลายวิธี ลองแล้วทุกยี่ห้อแชมพู ทรีทเม้นต์ อบไอน้ำ หมักนู่น หมักนี่ แต่แล้วในที่สุดมันก็ไม่หาย เป็นแล้วเป็นอีก เหมือนเป็นญาติพี่น้องที่ไม่ยอมตัดห่างจากกัน โอย...นี่มันอะไร ผมเสียเหรอ..? ใครที่เคยผ่านการทำสี ยืด ดัด น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของปัญหาเส้นผมเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเสียแล้วจะไร้ซึ่งหนทางออกเสียหน่อย วิธีการแก้ไขไม่ได้ยากเย็นแค่ทำตามวิธีที่จะบอกต่อไปนี้นี่เอง...(ทำเสียงหล่อเหมือนนักพากย์)


     ขั้นแรกคือการ ตัด ครับพี่น้อง ตัดออกไปเลยของเสียจะเก็บไว้ทำไม่กันเล่าหือ...?? เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเมินหน้าหนี โดยเฉพาะสาว ๆ ผมยาว แต่อย่าเพิ่งท้อใจ คำว่าตัด ไม่ได้หมายถึงตัดให้สั้น แต่เป็นการเสียสละบางส่วน เพื่อบรรเทาอาการเสียแห้งแตกปลายบางรายผมอาจพันกันอีกด้วย การตัดออกเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับการแก้ปัญหา แต่ว่า ให้ตัดปลายออกประมาณ 1-2 นิ้วก่อน ตามด้วยเก็บรายละเอียดผมเสียส่วนที่บริเวณรอบนอกที่นอกเหนือจากตรงปลายออกพอประมาณ อย่าหักดิบด้วยการหั่นผมสั้นประชดชีวิต ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกน่า จากนั้นเว้นระยะการตัดผมซักประมาณ 2 เดือน จึงตัดอีกครั้ง แต่เป็นการตัดผมส่วนปลายเหมือนเดิม และบริเวณรอบนอกเหมือนเดิมแต่การตัดครั้งนี้ ตัดออกประมาณ 1-2 เซนติเมตรก็พอ เหตุเพราะ ผมคนเราจะยาวประ 1 เซนติเมตรต่อ 1 เดือนโดยประมาณ ผ่านไป 2 เดือน ตัดออก 2 เซนติเมตร ผมเราก็จะยาวเท่าเดิม เท่ากับวันที่เราตัดออกครั้งแรกนั่นเอง ทำเช่นนี้ติดต่อกันไปสัก 2-3 ครั้งแล้วผมเสียจะค่อย ๆ หายไป


     หลังจากกำจัดจุดอ่อนด้วยการตัดออกไปบ้างแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงบ้าง ในที่นี้ขอนำเสนอ น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก (ชนิดไม่ผสมแอลกอลฮอล์) ให้หมักก่อนที่จะทำการสระผมเป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง อาจทำให้อุ่นสักนิดก่อนเพื่อให้ความร้อนทำให้เกล็ดผมเปิดเร็วขึ้นหรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นพันไว้ก็ได้  แล้วจึงสระด้วยแชมพูตามปกติจะช่วยลดอาการผมพันกันจากผมแห้งเสียแตกปลายได้ดีทีเดียว


     จากวิถีธรรมชาติสู่การบำบัดด้วยทรีทเม้นต์ จำให้ขึ้นใจเลยว่าทุกครั้งที่สระผมต้องตามด้วยทรีทเม้นต์ทุกครั้ง และควรหมักเอาไว้อย่างน้อย 5 นาทีมันคงไม่ยากเกินไปนะ หรือหากมีเวลาว่า ก็ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ๆ พันเอาไว้ ก็จะได้ผลลัพใกล้เคียงกับการไปอบไอน้ำที่ร้านเลยทีเดียว และวิธีนี้เราทำได้บ่อยครั้ง แล้วไปอบไอน้ำที่ร้านบ้างเป็นครั้งคราว (ใครจะไปบ่อย ๆ เปลืองตังค์...!!) แต่ขอแนะนำว่า ทรีทเม้นต์ที่จะใช้ต้องค่อนข้างมีคุณภาพหน่อย ถ้าจะถามว่าเอายี่ห้อไหนดีถึงจะมีคุณภาพ ก็ขอตอบว่า คุณภาพตามราคา...!! จะยอมเสียเงิน 300 บาทไปจนถึงหลักพันแต่ได้ผมนุ่มสวยกลับมา หรือจะยอมจ่ายแค่ 50 บาท 80 บาท ซื้อหนึ่งแถมอีกหนึ่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ผมก็ยังแห้งเสียเหมือนเดิม คำตอบน่าจะชัดเจนนะ และขอให้นำติดตัวไปทุกครั้งที่จะไปใช้บริการอบไอน้ำที่ร้านจะดีมาก


     หลังจากบำรุงกันเป็นที่เรียบร้อย ล้างผมเสร็จแนะนำให้ใส่ตัวนี้เลย มิลาโน่ พลัสเอส เยลโล่ ไดมอนด์ เซรั่ม ใส่บนปลายเส้นผมขณะผมเปียก(หนึ่งหลอดราคา 30 บาทเอง น่าจะแบ่งได้ 2-3 ครั้งแล้วแต่ความหนาของผมแต่ละคน) แล้วจึงทำการเป่าผมหรือจะไดร์ก็ตามแต่ คุณจะรู้สึกผมนุ่มลื่นมีน้ำหนักไม่พันกันอย่างที่เคยเป็น(เคยแนะนำลูกค้าไปหลายรายและได้ผลเป็นที่น่าพอใจเลยเอามาบอกต่อ)


     จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเชื่อว่า ผมเสีย ผมแห้ง ผมแตกปลาย ที่เคยสร้างความหงุดหงิดให้กับหลาย ๆ ท่านน่าจะลดลงได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรงดกิจกรรมทั้งหมดเกี่ยวกับเส้นผมควบคู่กันไปด้วยไม่ว่าจะเป็น การยืด ดัด ทำสี ต้องหยุดก่อนในช่วงนี้ เพื่อให้ผมได้รับการบำรุงและฟื้นฟูสภาพให้กลับมาสวยนุ่มดังเดิม แล้วปัญหาผมเสียจะหายไปจากชีวิตคุณทีละน้อย ๆ และหมดไปในที่สุด

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตัดผมเด็ก...เรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่เล็ก

ตัดผมเด็ก...เรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่เล็ก


     ปัญหาแสนปวดหัว สุด ๆ สำหรับช่างตัดผม ไม่ใช่การตัดผมไม่เก่ง ตัดไม่ถูกใจ หรือตัดไม่ได้ ของแค่นี้ ไม่ใช่ปัญหาเลยบอกตรง ๆ(ไม่ได้คุยนะ แต่ก็คุยอ่ะแหละ) แต่ที่เป็นปัญหาหนักอกหนักใจสุด ๆ คือการตัดผมเด็ก เด็กที่ว่าคือเจ้าตัวน้อยอายุไม่ถึง 7 ปีนี่แหละที่ปวดหัวสุด ๆ กับประโยคยอดฮิตที่ว่า "ม่ายอาววว...ม่ายตัด...จากาบบ้าน !!"


     พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายอยากให้ลูกหลานของตัวเองตัดผมไม่อยากให้เด็กผมรกรุงรัง ซึ๋งอาจเป็นบ่อเกิดของเหา อาจติดจากเด็ก ๆ ด้วยกัน จากโรงเรียนหรือ ที่ไหน ๆ ก็ตาม แต่การพาลูกหลานเจ้าตัวน้อย มาเข้าร้านตัีดผม ดูเหมือนจะเป็นเรื่องวุ่นวายปวดหัวเสียเหลือเกิน เด็กบางคนนั่งนิ่งก็โชคดีไป แต่เด็กบางคน(ส่วนใหญ่) นอกจากจะนั่งไม่นิ่งแล้ว ยังเกิดอาการกลัวกรรไกร กลัวเสียงปัตตาเลี่ยน หรือกลัวช่างตัดผม แค่เห็นหน้าก็ร้องจ๊ากแล้วก็มี ดังนั้นวิธีง่าย ๆ ที่น่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาเบื้องต้น คือการสร้างความคุ้นเคยให้เกิดความเคยชินระหว่างช่างที่คุณจะพาไปตัดกับเด็กเสียก่อน ด้วยการพามารู้จักทักทายสร้างความสนิทสนม หรือมาดูเด็ก ๆ คนอื่นนั่งตัด เด็กจะได้เกิดความรู้สึกคุ้นเคย จากนั้นหากพามาตัดจริง ๆ สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือเครื่องดึงดูดความสนใจ หรือ ของเล่นต่าง ๆ ที่เค้าชื่นชอบ เกมส์หรือหุ่นยนต์ ตุ๊กตา แผ่นซีดีการ์ตูนต่าง ๆ อะไรก็ได้ที่ทำให้เค้าอยู่นิ่งได้สักระยะเพื่อให้ช่างไม่เกิดความรำคาญและมีสมาธิขณะทำการตัด  ถ้าเป็นไปได้ควรหาชุดไปเปลี่ยนสำรองให้ด้วย เพราะเด็ก ๆ มักจะไม่ค่อยยอมให้เอาผ้านู่น นี่ นั่น มาคลุมบนตัว บางรายแค่เอาผ้ามายังไม่ทันคลุมก็ร้องเสียงหลงเลยก็มี ดังนั้นเตรียมไว้ให้พร้อมครับ และพ่อแม่ผู้ปกครองควรอยู่ใกล้ ๆ เด็ก ๆ อย่าให้ห่าง หากเกิดเค้ามีอาการหงุดหงิดไม่ไหว ก็ต้องพร้อมที่จะเข้าช่วยดูแลให้การตัดผมเด็กเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด(ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นะ แหะ ๆ ) หลังจากตัดเสร็จแล้ว สิ่งสำคัญอันขาดมีได้คือคำเชยชมต่าง ๆ เก่งจ้า เก่งมากครับ แจ่มแจ๋วเลยลูก หรือคำพูดใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้เค้าเกิดความภูมิใจ ในการมาตัดผม เพื่อให้ครั้งต่อไปจะได้จดจำและทำตามได้ หรืออาจแถมท้ายด้วยของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ไอศครีมหรือของเล่นให้เป็นของขวัญ แล้วครั้งต่อไปเค้าก็จะเกิดความเข้าใจและคุ้นเคยกับการตัดผมมากขึ้นเอง


     ปัจจุบัน ร้านตัดผม มีการพัฒนาเป็นร้านตัดผมเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งต่างประเทศเค้ามีมานานแล้ว แต่บ้านเราก็เริ่มมีให้เห็นบ้าง ยังไม่มากแต่ก็ถือว่า สะดวกสบายและดูน่าดึงดูดใจแก่เด็ก ๆ เป็นอย่างดี มีทั้งเก้าอี้รูปทรงเอาใจเด็ก ๆ จอทีวีแอลซีดี ที่เปิดการ์ตูนให้ดู แคตตาล็อกทรงผมเด็ก ๆ มุมของเล่น พร้อมยังตกแต่งร้านด้วยลวดลายการ์ตูนสีสันสะดุดตา บวกช่างตัดผมที่แสนจะใจเย็นอ่อนโยนและเป็นกันเองกับเด็ก ๆ ร้านที่เห็นจะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงก็คือร้าน For Kids Salon มีสองสาขา คือซีคอนสแควร์ กับ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต พ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจใกล้ตรงไหนก็ลองไปใช้บริการดู หรือลองเข้าไปดูหาข้อมูลได้ที่ http://forkidssalon.com/  แล้วการพาลูกหลานไปตัดผม อาจไม่เป็นเรื่องยุ่งยากอย่างที่เคยก็เป็นได้
     

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทำสีผมด้วยตัวเอง...เกรงว่าจะแย่กว่าที่คิด

ทำสีผมด้วยตัวเอง...เกรงว่าจะแย่กว่าที่คิด



     เคยมั้ย ?...อยากเปลี่ยนสีผม อยากทำสีผมเอง ไม่ต้องพึ่งช่าง ไม่อยากไปร้านให้เสียเงินเสียทองมากมาย ซื้อไปทำเองดีกว่า ประหยัดดี...เอาล่ะ สีนี้แหละสีผมนางแบบข้างกล่องโดนใจเต็ม ๆ จัดไป...1 ชั่วโมงผ่านไป...ผลลัพท์ที่ได้ สีไม่ติด สีด่าง ติดสีบางจุด สว่างแต่ที่บริเวณโคน ฯลฯ นี่มันฝันร้ายชัด ๆ สุดท้ายก็ต้องไปให้ที่ร้านแก้ไข บางร้านแก้ได้ บางร้านก็ย้อมสีดำให้(แบบไม่มีทางเลือก) เสียตังค์ 2 เด้งเลยทีนี้


     อันที่จริง การเปลี่ยนสีผม หรือการทำสีผมเองมันไม่ได้เป็นเรื่องแปลก หรือเรื่องยาก หากสีที่คุณอยากจะเปลี่ยนเป็นสีแนวเข้ม ๆ สีน้ำตาลกลาง หรือสีดำ(ปิดหงอก)  แต่หากเป็นสีที่สว่างมาก ๆ หรือสีที่ส่วางกว่าสีผมปัจจุบันของคุณ 2-3 ระดับขึ้นไป จำเป็นต้องไปหาช่างผู้ชำนาญจะเป็นการดีกว่ามิฉะนั้นแล้ว เรื่องง่าย ๆ เรื่องเล็ก ๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับช้างก็เป็นได้


     หลาย ๆ คนเข้าใจว่า การทำสี 1 ครั้ง ใช้สีเพียง 1 กล่องก็พอ นั่นเป็นการเข้าใจผิดครับ กฎเหล็กของการทำสีคือ ห้ามประหยัด เหลือได้แต่อย่าให้ขาด เพราะการผสมใหม่ สีและไฮโดรเจน ก็จะเริ่มทำปฎิกริยาใหม่ ทำให้ ระยะเวลาในการปรับระดับสีผิดเพี้ยนไป การประหยัดด้วยการหิ้วสีไปให้ที่ร้านทำ 1 กล่อง 
หากคุณผมสั้นมาก ๆ (ประมาณทรงเด็กนักเรียนหญิง) ก็อาจพอ แต่หากผมยาวเกรงว่า สีที่ได้ก็จะด่าง ๆ ติดมั่งไม่ติดมั่ง จำเป็นต้องใช้สีเพิ่มขึ้นตามปริมาณของเส้นผมของแต่ละคน สีที่ทาลงไปต้องปาดสีให้ชุ่ม ห้ามประหยัด และต้องมีการพิจารณา เว้นโคนผม ปลายผม ตามระดับสีเดิม ตามระยะเวลาของไฮโดเจนที่ใช้ มีหลายกรณีที่ ทำสีผมไม่ติด เช่นเคยย้อมดำ น้ำตาลเข้มมาก่อน เคยแว๊กสีหรือเคลือบเงา เคยใช้พวกแชมพูสระผมที่สระแล้วผมดำอยู่เป็นประจำ หรือพวกแชมพูชนิดเข้มข้นที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ มาก ๆ ก็มีส่วนทำให้สีผมผิดเพี้ยนไป ช่างผมที่ชำนาญงานจะต้องเช็คลูกค้าก่อนลงมือทำทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการทำ หากรู้ปัญหาก่อนแก้ได้ก็แก้ไขไป แต่ในกรณีที่ย้อมดำมาแล้ว ต้องพิจารณาให้ดีก่อนเพราะต้องมีการฟอกสี ซึ่งจะทำให้ผมเสียไม่มากก็น้อย หรือแม้แต่ในการผสมสี ก็ต้องดูอีกว่าต้องใช้ไฮโดรเจน กี่เปอร์เซนต์ ผสมกับสีไหนบ้างสัดส่วนเท่าไหร่ จึงจะได้สีผมที่ต้องการ


     จะเห็นได้ว่าการทำสีผม ต้องพิจารณาหลายอย่างดังที่กล่าวมา มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดใช่มั้ยละ ดังนั้นอย่ามองแต่เพียงว่า สีนี้นางแบบข้างกล่องทำแล้วสวยเป๊ะ เพราะการทำสีเองอาจกลายเป็นฝันร้ายหากไม่ผ่านฝีมือการทำจากช่างผู้ชำนาญ เน้นว่าต้องชำนาญจริง ๆ เพราะบางร้านก็ทำไม่เป็นจริง ๆ ไม่เช็ค ไม่ถามอะไรเลยก็มี ทำไม่ติดก็โทษนู่น นี่ นั่น สุดท้ายเราก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดี หรือพวกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ประเภทโฟม สระแล้วสีสวยทันใจ ไม่ได้โจมตีนะแต่หลายรายที่ใช้จะติดชัดเฉพาะตรงบริเวณโคนผม ซึ่งความร้อนจากร่างกายทำให้ตรงโคนจะเร็วต่อสีกว่าปลายผมอยู่แล้ว หรือพวกสีเข้ม ๆ ก็จะติดง่ายหน่อย หากมันง่ายขนาดนั้น ช่างผมอาชีพก็คงตกงานกันหมดแล้วล่ะ เงินเป็นของเรา ผมเป็นของเรา เลือกร้านให้ดี เลือกสีให้เหมาะ แล้วการทำสีผมจะกลายเป็นการเพิ่มสเน่ห์ เสริมบุคลิกให้คุณดูดี สวย เป๊ะ จนใครหลายคนต้องอิจฉา

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ซอยผมด้วยกรรไกร หรือ สไลด์ด้วยใบมีด

ซอยผมด้วยกรรไกร หรือ สไลด์ด้วยใบมีด


     หลายครั้งจากประสบการณ์ตรงของผม ที่มักจะมีลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้านแล้วถามว่า "พี่คะ ร้านนี้ใช้กรรไกรหรือใช้ใบมีดซอยผมคะ...?" ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วร้านผมใช้กรรไกรซอยผมมาตั้งแต่แรกเริ่มเปิดร้าน จนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เปลี่ยน ไม่เคยหันไปพึ่งความสะดวกง่ายดายของใบมีดซอยสไลด์ ไม่ใช่ว่าใช้ไม่เป็นนะ แต่ไม่คิดจะใช้มาตั้งแต่แรก เพราะมันมีที่มาและที่ไปครับ
     

     สมัยวัยหนุ่ม ช่วงนั้นอยากไว้ผมให้ยาว ๆ (เก็บกด ที่ต้องตัดแต่ทรงนักเรียนชาย ฮือ ๆ ...) แต่ไอ้พอตอนที่มันยาวแล้วนี่สิ การดูแลมันก็เริ่มยุ่งยากตามมา ต้องอบนั่น อบนี่ ทั้งหมัก ทั้งไดร์ สารพัด และไม่พ้นแน่ ๆ คือการตัดมันออกบ้าง ตอนตัดนี่แหละที่ทำให้รู้แจ้งเห็นจริง ไปตัดร้านในห้างฯ ดัง แถวปิ่นเกล้า กะว่าตัดออกมาต้องดีแน่ๆ ไปนั่งเก้าอี้ซอยปุ๊บ บอกช่างเลยว่า สไลด์ผมให้มันดูพลิ้ว ๆ เลยพี่ คุณช่างสาวสวยเดินมาพร้อมอุปกรณ์แปลก ๆ หนึ่งอัน (ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นช่างเลยไม่รู้) ปฎิบัติการอะไรสักอย่างบนหัวเรา ดัง แกร่ก ๆ ๆ สักพักนึง เป็นอันเสร็จ ด้วยอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวทั้งหัว...?(ก็ยังไม่เป็นช่างอ่ะ ... ไม่รู้จริง ๆ ) เสร็จสรรพไดร์ผม ออกจากร้าน ผมพลิ้วจริง ๆ โอ้ว...นี่แหละที่ต้องการ สามวันผ่านไปสระผมเองที่บ้าน เป่าแห่งเสร็จสรรพ ว้าก....!!! อะไรกันนี่ นี่หรือผม ทำไมมันเด้งจัดทรงไม่ได้  ไม่ ๆ สุดท้ายจากผมยาว ๆ ดูแลมาดี ๆ ต้องเดือดร้อนไปหาร้านแถวบ้าน ยืดซะ...


     อุปกรณ์ที่พูดถึงคือใบมีดซอย มีดสไลด์ หรืออะไรก็ตามที่เค้าเรียก ๆ กัน หลังจากผันตัวเองมาเป็นช่างผมถึงได้เข้าใจ แต่ก็แปลก ทั้งที่ใครหลาย ๆคนเคยผ่านประสบการณ์เดียวกัน หลาย ๆ คนแอนตี้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ แต่ในโรงเรียนสอนทำผมหลาย ๆ แห่ง ก็ยังนิยมสอนให้ใช้อยู่ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนเรียนวิธีตัดด้วยกรรไกร อุปกรณ์ดั้งเดิม แต่ด้วยความสะดวกสบายง่ายต่อการตัดแค่ถาก ๆ ไป ๆ มา ๆ ก็เสร็จเป็นทรง ช่างผมหลายคน โดยเฉพาะช่างมือใหม่ทั้งหลาย ยังใช้ใบมีดในการซอยให้ลูกค้า ซึ่งผลที่ตามมาคือทรงผมไล่ระดับสวยงาม พลิ้วไหวบางเบา แต่ ผมจะไม่มีความเท่ากันและไม่เชื่อมต่อกัน ขาดน้ำหนักและแตกปลายในที่สุด จากการวิเคราะห์(ส่วนตัวนะ) คาดว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ น้ำหนักของการลงมีดซอยแต่ละครั้งอาจไม่เท่ากันทุกครั้ง และที่สำคัญคือความคมของใบมีด ซึ่งใบมีดก็คือใบมีดโกนทั่ว ๆ ไป หากใช้บ่อย ๆ ไม่เปลี่ยน สนิมก็จะเริ่มขึ้น ความคมก็จะลดลงเรื่อย ๆ สังเกตง่าย ๆ มีดโกนหนวดที่ใช้ ๆ กัน ใช้เสร็จวางตั้งไว้ วันรุ่งขึ้น บางทีก็เริ่มมีสนิมบ้างแล้ว ในกรณีเดียวกัน ใบมีดซอยเราใช้กันวันนึงก็ครั้ง ก็หัว ความคมของมันย่อมลดลงเรื่อย ๆ วิธีแก้ใขที่ดีที่สุด คือการเปลี่ยนวันต่อวัน หรือถ้าเปลี่ยนทุกครั้งที่มีการซอยได้ยิ่งดี ซึ่งน้อยร้านที่จะทำแบบนี้ 


     อย่างไรก็ดีในเมือลูกค้าส่วนใหญ่เค้าไม่ชอบที่จะซอยด้วยใบมีดสไลด์ ก็ควรหันมาพึ่งกรรไกรซอยผมจะดีกว่า ทรงผมที่ได้จากการตัดแบบยกองศา ตามสัดส่วนของศรีษะจะดูมีสไตล์ชัดเจน ไม่แตกปลาย   ง่ายต่อการเซ็ท ลูกค้าชอบ ช่างก็แฮปปี้ ซึ่งผมเชื่อว่าช่างใช้เป็นกันทุกคนแหละ แต่ความชำนาญอาจแตกต่างกันไป 


วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทรงผมชาย...ตัดทรงอะไรดี...?

ทรงผมชาย...ตัดทรงอะไรดี...?


     หลังจากที่กล่าวถึงเรื่องการหาทรงผมที่เข้ากับใบหน้า ซึ่งส่วนใหญ่อาจเป็นปัญหาของคุณผู้หญิง แต่เดี๋ยวก่อน...!! คุณผู้ชายทั้งหลายก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเลือกทรงผมที่ถูกใจนะ เรื่องของทรงผมผู้ชายก็จัดว่าเป็นเรื่องใหญ่เข้าขั้น หากไม่หล่อไม่ขอออกจากบ้าน แต่จะเอาแบบใหนที่จะถูกใจคุณผู้ชายทั้งหลาย ลองมาดูกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากจะอ้างอิงจากโครงสร้างของรูปหน้า ก็จัดว่า อาจไม่แตกต่างจากคุณผู้หญิงมากนัก ซึ่ง ณ ปัจจุบัน แฟชั่นทรงผมแบบพระเอก บอยแบนด์ เกาหลี ถือว่ามีอิทธิพลต่อการเลือกทรงผมของคุณผู้ชายมากกว่า ที่จะมานั่งหาทรงที่เข้ากับรูปหน้าเสียอีกแน่ะ(บางท่านก็ตัดตามใจแฟน ขัดใจไม่ได้จริง) เอาเป็นว่า ลองพิจารณาจากองค์ประกอบอื่น ๆ ดูบ้าง เห็นจะเหมาะสมกับเทรนด์ทรงผมชายในปัจจุบัน


     คุณผู้ชายที่มีเส้นผมหนา หรืออาจหยักโศกเล็กน้อย ถึงปานกลาง เอาเป็นว่าไม่หยิกก็แล้วกัน ลักษณะนี้ น่าจะเรียกได้ว่า โชคดีกว่าคนอื่น เพราะจะสามารถหาทรงที่เป็นแบบอินเทรนด์อย่างสไตล์เกาหลี หรือแบบอินเตอร์อย่าง พระเอกหนังฮอลลิวู้ด ก็ถือว่าเหมาะ เพราะไม่ว่าจะเป็นทรงอะไร เส้นผมแบบนี้ก็จัดทรงให้เป็นแบบที่ต้องการได้ตลอด ชอบแบบไหนตัดโลด...แต่ต้องเซ็ทให้เป็นนะ แล้วจะหล่อไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว


     คุณผู้ชายที่มีเส้นผมตรงเหยียด จนเพื่อน ๆ อิจฉา แต่อย่าไปอิจฉาครับ ผมตรงก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป จุดอ่อนของเส้นผมลักษณะนี้ คือ หากไว้ยาวมาก ๆ ก็จะดูสำอางค์จนเหมือนผู้หญิงไปนิด ยิ่งทำให้ผมที่เยียดตรงดูลีบแบนอีกด้วย แถมยังยากต่อการดูแลรักษาอีกด้วย ทางที่ดี เลือกทรงที่ดูสั้น ๆ เซอร์ ๆ หรือหากไม่สั้นจนเกินไปก็ควรแต่งปลายผมให้ดูบางเบาสักนิด แค่นี้ก็เพียงพอต่อการออกสื่อ พบปะสังสรรค์ หรือนัดสาว ๆ ไปดินเนอร์ ดูหนัง แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของใครของมัน


     คุณผู้ชายที่มีเส้นผมหยักโศก แต่อย่าไปเศร้าเสียใจ น้อยใจทรงผมตัวเอง ทำไมมันไม่เป็นทรง เป็นรูปร่างอย่างคนอื่นเค้า จะไว้ให้ยาวแล้วไปยืดก็ดูจะเสียเงินไปเปล่า ๆ พอยาวแล้วรำคาญก็ไปตัดไอ้ส่วนที่ยืดออกไปก็เหลือแต่ส่วนที่หยักโศกเหมือนเดิม ใจเย็น ๆ...!! ตัดออกให้สั้นพอประมาณ เหลือไว้สัก 3-4 นิ้วพอ ถ้ามันหนาไป ก็ซอยให้บางสักนิด แล้วจัดแต่งด้วย เจล หรือ แว็กซ์ (แนะนำยี่ห้อแก๊สบี้ สีดำ) จะเอาให้หล่อเป็นบอยแบนด์เกาหลีก็ไม่ยากแล้วทีนี้ 


     คุณผู้ชายที่มีเส้นผมบาง ผมน้อย หรือ หัวล้าน อย่าใจน้อย น้อยใจไปเลย อันที่จริงก็เป็นข้อได้เปรียบ เพราะเราไม่ต้องไปลำบากยุ่งยากในการดูแลให้มาก ใครว่าเราหัวล้านก็เถียงไปเลยว่า "ไม่ได้ล้านนะ แค่ผมขึ้นไม่ทั่วถึงเท่านั้นเอง" ... เอาเป็นว่าเส้นผมแบบนี้ พยายามอย่าแสกผม โดยเฉพาะแสกกลาง ยิ่งทำให้ผมบางขึ้นอีก ควรปัดไปทางข้างใดข้างนึง ก็เป็นการปกปิดได้ ถ้ามันเถิกข้างหน้า ก็ไว้ผมโซนหน้ามาให้ยาวหน่อยเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างดีทีเดียว หรือถ้าไม่ไหวแล้ว ทางออกสุดท้าย โกนครับ...หรือสกินเฮดแบบเท่ห์ ๆ ตามด้วยทำลายด้วยแฮร์แท็ตทู ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป (ถ้าหัวแบนหัวไม่สวยอย่าทำตามนะ...แหะ ๆ)


     จากที่ได้กล่าวมาก็ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคุณผู้ชาย หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ทั้งหลาย ตัดทรงไหนตัดทรงอะไร โปรดอย่าลืมที่จะต้องมีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น ไดร์เป่าผมเล็ก ๆ สักอัน แปรงกลมจัดแต่งผม เจล หรือ แว็กซ์ หรือมูส (ใครชอบแบบไหนเลือกเอาตามสะดวก) เพราะไม่งั้นคุณจะหล่อแค่วันที่ออกจากร้านตัดผม พอกลับไปบ้านนอนตื่นเช้ามาก็เป็นหนุ่มหัวยุ่งคนเดิม แล้วก็จะมาโทษว่าผมไม่เป็นทรงไม่ได้นะ ก็ตัดทรงที่ถูกใจแล้ว ก็ต้องมีเซ็ทด้วยตัวเองบ้าง ทำบ่อย ๆ ก็เกิดความเคยชินแล้วจะเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่จะทำให้หล่อได้ทุกวัน 
  
     

วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทรงผมที่เข้ากับใบหน้า...จะมีมั้ยน๊า...?

ทรงผมที่เข้ากับใบหน้า...จะมีมั้ยน๊า...?



     เคยเป็นมั้ย...? เดินเข้าไปร้านตัดผมแล้วยังไม่รู้จะตัดทรงอะไร สุดท้ายก็บอกช่างว่า "พี่ ๆ ขอทรงอะไรก็ได้ที่เข้ากับหน้า..." แต่บางคนก็เตรียมตัวมาดี เตรียมรูปดาราคนโปรด หรือทรงที่ชอบมาพร้อมสรรพ แต่ไปถึงร้านแล้วช่างบอกว่า "น้องอย่าตัดทรงนี้เลย พี่ว่าไม่เหมาะ..." โอ้...อะไรกันเนี่ย แล้วจะตัดทรงไหนดี สุดท้ายก็ต้องตามใจช่าง ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง แล้วแต่ดวง วันนี้เลยขอนำเสนอ วิธีง่าย ๆ ในการตัดสินใจหาทรงผมที่เข้ากับใบหน้า มาฝากกัน


     เริ่มที่ใบหน้ารูปใข่ ท่านใดที่ได้ใบหน้าแบบนี้มาแต่อ้อนแต่ออก (เว้นแต่บางท่านที่ไปทำศัลยกรรมใบหน้านะ) ถือว่าท่านโชคดีเป็นที่สุด เพราะท่านสามารถหาผมได้ง่ายดาย เข้ากับทุกทรงเลยก็ว่าได้ จะสไลด์เพิ่มความโด่นเด่นตรงไหนก็ดูดีไปซะหมด แต่...ไม่มีอะไรในโลกที่ไม่มีจุดอ่อนหรอก หุ ๆ ๆ  ยังไง ๆ ก็ควรงดเว้นทรงผมประเภทที่เพิ่มความสูงให้กับศรีษะ เพราะจะทำให้ใบหน้าอันดูดีของท่านดูยาวขึ้นอีกก็เป็นได้


     สำหรับใบหน้ากลม อาจต้องทำใจเล็กน้อย เพราะไม่ว่าจะหาทรงอะไรมาเทียบกับหน้าก็ดูจะพองกลมไปซะหมด แต่อย่าเพิ่งท้อใจ แสงรำไรในความมืดก็ชี้ไปสู่ทางสว่างได้ (โอ้...สำนวนซะ) ทรงที่เหมาะสมคือทรงผมประเภทที่จะทำให้ศรีษะของคุณดูสูงขึ้นนั่นเอง สไลด์ไล่ระดับจากบนมาล่าง หลีกเลี่ยงหน้าม้าแบบตรง ๆ เต่อ ๆ เพราะมันจะทำให้ใบหน้าดูแคบกลมหนักเข้าไปอีก ถ้าเป็นหน้าม้าแบบปัดข้าง หรือสไลด์ปาดข้างก็ยังพออนุโลมได้ และอย่าไปทำร้ายตัวเองด้วยการประชดทำผมฟู ๆ ฟ่อง ๆ ก็พอ


     ใบหน้ารูปลูกแพร หรือสามเหลี่ยมทรงชมพู่ จัดว่าเป็นคนหน้าผากค่อนข้างแคบ ดังนั้นควรหาทรงที่จะเพิ่มพื้นที่ส่วนหน้าผากและขมับดูกว้างขึ้น พอ ๆ กับช่วงกราม


     สำหรับใบหน้ารูปหัวใจ คุณจะมีหน้าผากและโหนกแก้มค่อนข้างเยอะ แต่มีขากรรไกรและคางแหลมเรียว ถ้าอยากได้ทรงผมเปรี้ยวซ่าสะใจ ตรงไปที่ร้านแล้วตัดผมสั้นเป็นบ๊อบระดับคางสไลด์ปลายบาง ๆ ตามด้วยหน้าม้าปาดข้าง รับรองคุณจะเป็นสาวมั่นขึ้นมาทันที หรือถ้าอยากไว้ผมยาว ลองดัดลอนอ่อน ๆ คลาย ๆ ก็ดูดีเกาหลีกันไปเลยทีเดียว


     ท่านที่มีใบหน้ารูปเพชร คือมีใบหน้ายาวเล็กแต่โหนกแก้มกว้าง แถมหน้าผากและคางแคบ อันนี้เราต้องหาทรงผมที่จะพรางโหนกแก้ม อาจสไลด์ผมให้งุ้มตรงช่วงแก้มถึงคาง และเพิ่มพื้นที่ช่วงหน้าผากจากที่ดูคับแคบ เป็นหน้าม้าปัดข้างก็ช่วยให้ดูดีขึ้นได้ทันตา


     ใบหน้ารูปเหลี่ยม คุณมีคางที่ค่อนข้างชัดเจนปาดเหลี่ยม หน้าผากและโหนกแก้มกว้างพอดู ทุกอย่างดูกว้างไปซะหมด โอ้...อย่าท้อใจไป จงสไลด์ผมตามกรอบหน้าของคุณให้ดูบาง ไล่ระดับลงไปพรางขากรรไกรอย่าให้เห็นชัด ดัดผมสักนิดก็ดูดีได้(เอาแค่ลอนอ่อน ๆพอ) หรือถ้าชอบผมสั้นก็อย่าให้เลยหัวไหล่สไลด์ปลายบาง ๆ ก็ช่วยปกปิดและเพิ่มความมั่นใจให้ดูดีมีสไตล์ได้ลงตัว
   

     จากที่ได้ยกตัวอย่างคร่าว ๆ เป็นการประกอบการตัดสินใจอย่างง่าย สำหรับการเลือกทรงผมที่เหมาะกับแต่ละรูปหน้า อันที่จริงยังมีองค์ประกอบปลีกย่อย อย่าง ลักษณะเส้นผมหนาบาง ลีบแบน ผมหยิก คอสั้น คอยาว ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรปรึกษาช่างประจำของคุณ หรือผู้เชี่ยวชาญ อีกทางหนึ่งก็จะดีไม่น้อย เพื่อตัวคุณเอง แล้วแต่ความชอบความมั่นใจ ของใครของมัน แต่ขอให้คิดเสมอว่าทุกการตัดสินใจเป็นของคุณ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองครับ