วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตัดผมหน้าม้า...ตัดให้เข้ากับหน้า ตัดยังไงดีหนอ...?

ตัดผมหน้าม้า...ตัดให้เข้ากับหน้า ตัดยังไงดีหนอ...?


     อยากตัดผมหน้าม้าแต่กลัวไม่เข้ากับหน้า อยากตัดผมหน้าม้าแต่ไม่มั่นใจ อยากตัดผมหน้าม้าแต่ไม่รู้จะตัดอย่างไร เอ้าอยากรู้ก็ต้องมาหาคำตอบกัน เพราะการตัดผมหน้าม้าที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่จริงแล้วมันไม่ง่าย(เอ๊ะ...อ่านแล้วดูสับสน) หลายคนไม่มั่นใจกลัวนั่น กลัวนี่ กลัวเด๋อ...? (ไม่ใช่ กลัวพี่เด๋อ ดอกสะเดานะ ฮ่า ๆ ) ก่อนตัดสินใจลองอ่านจนจบบทความนี้ก่อน แล้วค่อยหาคำตอบให้กับตัวเองว่าจะตัดหรือไม่ตัดกันดีละหนอ ทรงผมหน้าม้า ฮี้ ๆ กับ ๆ ...(นั่นมันม้าร้องแล้ว จะตลกไปทำไม...?)


     จะตัดผมหน้าม้าทั้งที แต่ก็มีแต่เรื่องซีเรียส เหตุที่ต้องซีเรียส ก็เพราะหลายปัจจัยอย่างเช่น ตัดร้านไหนดีล่ะ...? อันนี้ถือเป็นประเด็นหลัก บางร้านตัดสวย บางร้านตัดแหว่ง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ช่างแต่ละคนอันนี้ก็ต้องเลือกให้ดีหน่อย อาจจะสอบถามจากเพื่อน ๆ คนรู้จักก่อน เพื่อความชัวร์เพราะเมื่อตัดแล้ว มันค่อนข้างแก้ไขยากหากไม่ถูกใจ เวลาส่องกระจกคงหงุดหงิดใจน่าดู กว่าจะยาวพอที่จะแก้ไขได้ และอีกหนึ่งปัจจัยที่หลาย ๆ คนกังวลเป็นอย่างยิ่งคือ ตัดผมหน้าม้าให้เข้ากับหน้า จะตัดแบบไหน อย่างไร ... โอ้ว..คิดแล้วกลุ้ม...ดังนั้นลองดูว่าหน้าม้าแบบไหนเหมาะกับรูปหน้า หน้าม้าแบบไหนถูกใจใครบ้าง


     ตัดผมหน้าม้าตรง อันนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นทรงหน้าม้าแบบมาตรฐาน ซึ่งเป็นทรงที่เหมาะกับคนที่มีรูปหน้าเรียวยาว เนื่องจากหน้าม้าตรง ๆ แบบนี้ จะช่วยพรางรูปหน้ายาว ๆ ให้ดูสมส่วนมากขึ้น รูปหน้าดูสั้นลง แต่ก็ไม่เหมาะกับคนที่มีหน้ากลม ๆ เพราะจะทำให้ หน้าดูกลมแคบลงไปอีก โดยเฉพาะสาว ๆ หน้ากลมควรหลีกเลี่ยง


     ตัดผมหน้าม้าปัดข้าง ดูจะเป็นทางออกของสาว ๆ หน้ากลม หรือหน้ารูปเหลี่ยม เพราะการตัดหน้าม้าปัดข้าง จะช่วยปิดพื้นที่จากหน้าผากลงมาถึงโหนกแก้ม เป็นการพรางใบหน้ารูปเหลี่ยมหรือรูปกลมให้ดูหน้าเรียวเล็กลงทันตาเห็น โอ้ว...เท่านั้นยังไม่พอ (ไม่ได้ขายเครื่องออกกำลังกายนะ แหะ ๆ ) หากได้ลองสไลด์ผมไล่ระดับลงมาปิด บริเวณแก้มอีกละก็ สวยเซ็กซี่ ไม่แพ้สาวเกาหลี-ญี่ปุ่นในนิตยสารวัยรุ่นเลยทีเดียวเชียว ฟันธง...


     ตัดผมหน้าม้าเต่อ อินเทรนด์สไตล์แนว ๆ สาว ๆ หน้ารูปไข่ หรือหน้าผากกว้าง ลองได้ตัดแล้วจะติดใจไปกับหน้าม้าเต่อ ๆ แบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าสาว ๆ หน้าเหลี่ยม หน้ากลม จะตัดไม่ได้นะ อันนี้ต้องขอบอกว่า หน้าม้าเต่อ ๆ ตามสมัยนิยม (โดยเฉพาะจากภาพยนตร์ คุณยายโฮ) ต้องเน้นไปที่การแต่งตัวกับความมั่นใจเข้าไว้ อย่าไปแคร์สายตาใคร ลองถ้าได้ชอบบวกกับมั่นใจ ก็ตัดไปไม่ต้อง คิดมาก


     นอกจากเลือกผมหน้าม้าให้เหมาะกับรูปหน้าแล้ว ทรงผมเดิมที่มีอยู่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาว่าจะตัดหน้าม้าหรือไม่ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบดัดผมสไตล์เกาหลี ทำสีผมอ่อน ๆ ก็เหมาะที่จะตัดผมหน้าม้าอยู่แล้ว เพราะเปรียบเสมือนเป็นของคู่กันที่ขาดไม่ได้ ผมดัดตัดหน้าม้า 


     ไม่ใช่ว่าผมหน้าม้าจะตัดได้เฉพาะสาว ๆ นะ หนุ่ม ๆ ทั้งหลายก็มีทรงผมหน้าม้าให้เลือกตัดได้เช่นกัน แต่เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ตัดผมสั้น จึงไม่จำเป็นว่าจะเลือกแต่เพียงหน้าม้าที่เหมาะกับรูปหน้า เอาเป็นว่าหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย เลือกให้เหมาะกับทรงผม เหมาะกับวัย และการแต่งกายไลฟ์สไตล์ของคุณเป็นอันใช้ได้


     ทีนี้หวังว่า ไม่ว่าสาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ ก็คงตัดสินใจได้แล้วว่า ใครจะเหมาะกับทรงผมหน้าม้า แบบไหน ขอให้เลือกให้ถูกใจ หล่อสวยกันถ้วนหน้า กับทรงผมหน้าม้ากันได้เลย...(ตัดเสร็จแล้วอย่าลืมแอ๊คท่า โพสต์รูปออกสื่อ โซเชียล ทั้งหลายด้วยนะ เดี๋ยวตกเทรนด์)
      

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผมร่วง...ผมร่วง ช่วยผมด้วย !!

ผมร่วง...ผมร่วง ช่วยผมด้วย !!



     พูดถึงเรื่องผมร่วง ทำให้นึกถึงโฆษณา แชมพูแก้ปัญหาผมร่วงยี่ห้อหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว (แก่ไปมั้ย..?) ที่มีคำพูดฮิตติดปากว่า...ผมไม่ร่วงหรอก ผมไม่ร่วง...!!! ผ่านมาจนปัจจุบัน ปัญหาผมร่วงก็ยังเป็นสิ่งรบกวนใจของใครหลาย ๆ คน เวลาหวีปุ๊ป ร่วงปั๊บ สระผมทีไรใจหายแว๊บ เห็นผมร่วงไหลไปตามสายน้ำแล้วอยากจะร้องไห้ อะไรมันจะเยอะขนาดนี้ คิดแล้วยิ่งเครียดหนัก ก็ยิ่งผมร่วงหนักเข้าไปอีก ชั้นจะหัวล้านมั้ย...? เอ้าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ค่อย ๆ แก้ไขกันไปเป็นจุด ๆ ไป


     สิ่งแรกที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับผมร่วง คือ โดยปกติแล้วทุก ๆ คน จะมีผมร่วงในแต่ละวันอยู่แล้วประมาณ 100-150 เส้นโดยประมาณ (ประมาณเอานะ อาจมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้นิดหน่อย อย่าซีเรียสถึงขนาดหยิบมานั่งนับทีละเส้นล่ะ...) ซึ่งถือว่าไม่จัดอยู่ในอาการผมร่วงจนต้องเข้ารับการรักษาเพราะฉะนั้นถ้าผมร่วงประมาณนี้ก็ไม่ต้องวิตกกังวล แต่ถ้าจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของอาการผมร่วง อย่างแรกคือ ยีนหรือกรรมพันธุ์ จากคนในครอบครัวอันนี้ก็ถือว่าหลีกเลี่ยงยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าคนในครอบครัวผมร่วงหรือหัวล้านแล้วคุณจะต้องเป็นด้วยเสมอไป ต่อมาคืออาจเกิดจากความผิดปกติทางฮอร์โมน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิงกรณีนี้ต้องไปรับการตรวจและวิเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าอาการผมร่วงของคุณมาจากความไม่สมดุลย์ทางฮอร์โมนโดยเฉพาะสตรีที่เพิ่งคลอดบุตรบางรายก็มีอาการผมร่วงให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง หรือในบางกรณีผมร่วงก็อาจเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวลบางอย่างของตัวคุณเองก็อาจเป็นได้



     การรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่อาจทำให้คุณมีอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน วิตามินบี ธาติเหล็ก โฟลิคแอซิด หรือแร่ธาตุอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของสารอาหารที่จะไปบำรุงเส้นผมและรากผม ซึ่งก็จะขอแนะนำเมนูอาหารบางประเภท ที่จะช่วยเพิ่ม สารอาหารในการบำรุงสุขภาพผมซึ่งก็ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า สาหร่ายทะเล กล้วยหอม แครอท ฟักทอง งาดำ ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวันเป็นต้น(ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.oknation.net/blog/kritwat/2011/02/13/entry-3)


     นอกจากนี้ ผมร่วง ก็ยังอาจมีสาเหตจากโรคบางอย่างซึ่งอาจมีผล กับเส้นผมของคุณ หรือการเป็นโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังหรือหนังศรีษะซึ่งก่อให้เกิดรังแคและผมร่วงตามมา แม้กระทั้งการได้สัมผัสกับสารเคมีบางอย่าง ก็มีผลทำให้ผมร่วงได้ โดยเฉพาะคนที่ทำงานเกี่ยวกับรังสี ต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการทำให้ผมร่วงได้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งเราก็มัวแต่มองสิ่งที่ใกลตัวเกินไปมองข้ามสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผมร่วงได้เช่นกัน คือ แชมพูสระผม ที่เราใช้อยู่ ในบางยี่ห้อที่มีความเข้มข้นของส่วนผสมบางตัวอันเป็นสาเหตุของอาการแพ้ คัน หรือเป็นรังแคและผมร่วงได้


     ในบางรายทีจำเป็นต้องทานยาบางอย่างอยู่เป็นประจำ และตัวยานั้นอาจส่งผลข้างเคียงทำให้ผมร่วงนั่นคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำหรับคนที่มีอาการผมร่วงมาก ๆ อาจเกิดจากสาเหตุใด ๆ ก็ตามไม่ว่าจะที่กล่าวมาแล้วหรือไม่ก็ตาม การสังเกตตัวเอง และการเริ่มต้นปรับปรุงกระบวนการในการทานอาหารให้ครบกับความต้องการ ในแต่ละวันถือเป็น การเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการรักษาอาการผมร่วง และเมื่อไรที่รู้สึกว่าการเฝ้าสังเกตอาการผมร่วง และวิเคราะห์สาเหตุต่าง ๆ แก้ไขด้วยตัวเองไม่ว่าจะทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือการเปลี่ยนแชมพู และหลีกเลี่ยงสาเหตุต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่อาการผมร่วงก็ยังมีอยู่หรือร่วงมากขึ้นจนผิดปกติ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือสถาบันเส้นผมโดยตรง อย่าปล่อยให้อาการผมร่วงสร้างความวิตกกังวลจนไม่เป็นอันกินอันนอน จนสุดท้ายไม่เหลือผมให้ร่วงแล้วจะมานั่งเสียใจภายหลังไม่ได้นะจะบอกให้...รักผม ก็ต้องช่วยผม ด้วยการดูแลผม

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อบผม อบไอน้ำ อบทำไม...?

อบผม อบไอน้ำ อบทำไม...?


     เวลาที่รู้สึกว่าผมเสีย ผมแห้ง ผมแตกปลาย สิ่งแรกที่หลาย ๆ คนจะนึกถึงก่อนเป็นอันดับต้น ๆ ในการดูแลรักษาผมให้ดูสุขภาพดีขึ้นคือ...การอบผมด้วยเครื่องอบไอน้ำ แต่ทำไมล่ะ...? ไอน้ำจะช่วยให้ผมที่เสียดีขึ้นหรือ...? แล้วทรีทเม้นต์ล่ะ...? หรือต้องใช้คู่กันหรือปล่าว ถ้าไม่อบผมด้วยเครื่องอบไอน้ำ ผมจะไม่หายแห้งเสีย จริงหรือไม่...? น่าจะมีใครหลาย ๆ คนสงสัย เลยหยิบเรื่องราวนี้มาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกัน


     ทำไมต้องอบไอน้ำ...? อันนี้หลายคนน่าจะสงสัย เวลาเข้าร้านเสริมสวย แล้วถามช่างว่าผมเสียจะแก้ไขยังไง ช่าง(ส่วนใหญ่)ก็จะบอกให้อบไอน้ำ สูตรนั้น สูตรนี้แล้วแต่ผลิตภัณฑ์ร้านใครร้านมัน โดยที่ไม่เคยบอกสาเหตุว่า อบผม ทำไม?  เอาเป็นว่า เริ่มต้นที่ผมก่อน(เส้นผม) ผมของคนเราปกติแล้วจะมีเกล็ดผม อยู่ชั้นนอกสุด ถ้าเราต้องการทำอะไรสักอย่างที่เป็นสารเคมีเกี่ยวกับเส้นผม เป็นต้นว่า ยืด ดัด ทำสี หรือการบำรุงด้วยทรีทเม้นต์ ครีมนวดผม ต่าง ๆ เราต้องทำการเปิดเกล็ดผมก่อน เพื่อให้สีหรือน้ำยา สารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่เส้นผมถึงชั้นในสุด การเปิดเกล็ดผมด้วยวิธีง่ายที่สุด คือการสระผมนั่นเอง จะเห็นว่าทุกครั้งก่อนกระบวนการทำทุกอย่างเกี่ยวกับเส้นผมจะเริ่มจาก การสระผมเป็นส่วนใหญ่ หรือในบางผลิตภัณฑ์ที่เป็นแชมพูสระผมสามารถเปิดเกล็ดผมได้มากกว่าการใช้แชมพูสระผมทั่วไป แต่ในกรณีที่ผมแห้งเสียมาก เกล็ดผมส่วนใหญ่จะเปิดอยู่แล้ว (เกล็ดผมเปิดหรือไม่สังเกตจากเส้นผม ซึ่งจะพันกันหวีไม่ลื่นนั่นเอง เหมือนเวลาสระผมแล้วไม่ใส่ครีมนวด) และอีกวิธีที่จะทำให้เกล็ดผมเปิดก็คือการใช้ความร้อน ซึ่งก็คือการที่เราอบผม ด้วยเครื่องอบไอน้ำนั่นเอง หลังจากนั้นเกล็ดผมจะปิดได้เองด้วยการใช้ทรีทเม้นต์



     ด้วยเทคโนโลยีในยุคแรก ๆ การที่จะสร้างเครื่องมือที่จะให้ความร้อนบนศรีษะคนโดยที่ไม่เป็นอันตราย เครื่องอบไอน้ำจึงเป็นตัวต้นแบบ ที่จะทำให้เกล็ดผมเปิดด้วยการใช้ความร้อน แต่จากการพัฒนาเทคโนโลยีตามยุคสมัย ก็เกิดเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งให้ความร้อน โดยที่ไม่ต้องใช้ไอน้ำ ซึ่งก็ให้ผลลัพท์ที่คล้ายคลึงกันในการเปิดเกล็ดผม จากการอบไอน้ำก็เปลี่ยนเป็นการทำทรีทเม้นต์ อบทรีทเม้นต์ ฯลฯ แล้วแต่การตั้งชื่อของแต่ละร้าน เป็นการเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้ทางเลือกในการตัดสินใจแก่ลูกค้า


     ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ๆ ที่จะให้ความร้อนในการเปิดเกล็ดผม ทั้งการอบไอน้ำ เครื่องให้ความร้อน เครื่องอินฟาเรด ฯลฯ (ปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ บางเครื่องทำได้ทุกอย่าง All in One) ทุกวิธีก็มีจุดหมายปลายทางที่เส้นผมของเรานั่นเอง เพื่อเป็นตัวช่วยในการเปิดทางสู่กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับเส้นผม     หรือพูดง่าย ๆ เพื่อความสวยนั่นเอง เพราะความสวยไม่มีที่สิ้นสุด...